News All The basic

โป๊กเกอร์รูปแบบการเล่นต่างๆ

โป๊กเกอร์

โป๊กเกอร์ มีหลายประเภท ก่อนที่เราจะพาเข้าไปรู้จักกติกาการเล่นของโป๊กเกอร์ เราอยากให้เพื่อนๆได้รู้ก่อนว่าโป๊กเกอร์มีกี่ประเภทและแต่ละประเภทนั้นแตกต่างกันอย่างไร

ประเภทของเกม โป๊กเกอร์

ในการเล่นโป๊กเกอร์นั้นมีหลายวิธีการเล่น แต่วิธีที่ lovepoker168 จะมาสอนเพื่อนนั้น เป็นวิธีที่นิยมเล่นกันทั่วโลก โดยของทางกติกาแบบเจาะลึก โดยประเภทที่เราจะนำมาสอนเพื่อนๆนั้นคือ

1Texas Hold’em
2. Omaha

2 ประเภทการเล่นนี้กติกาอื่นแทบไม่แตกต่างกันจะมีแตกต่างกันหลักๆคือ Texas Hold’emจะเป็นการแจกไพ่บนมือ 2 ใบ และ Omaha จะแจกไพ่บนมือ 4 ใบ ถึง 6 ใบ แต่ความนิยมถ้าคนพูดมาว่า Poker ให้นึก Texas Hold’emจะเป็นที่นิยมและเป็นสากลกว่า โดยเราจะสอนกติกาการเล่นในบทต่อๆไป

1. No limit or Fixed Limit

ในบางเกมโป๊กเกอร์จะมีลิมิตกั้นเอาไว้ “Fixed Limit” โดยจะสามารถเพิ่มเงินเดิมพันได้ถึงแค่จำนวนที่ตั้งไว้ แต่เกม “No limit” นั้นผู้เล่นสามารถเพิ่มเงินเดิมพันลงไปเท่าไหร่ก็ได้ในรอบของผู้เล่น โดยจำนวนเดิมพันที่ลงได้มากสุดคือชิพที่ผู้เล่นนำเข้ามาในโต๊ะ แต่ไม่สามารถแลกชิพเพิ่มระหว่างการเล่นได้ (เช่นเราได้แฮนด์ดีดี แล้วจะแลกชิพตอนนั้นเลยเพื่อเอามาเกเพิ่ม แบบนี้ไม่ได้นะ)   เพราะฉะนั้นแล้วการแลกชิพเข้าไปในโต๊ะเยอะหรือน้อยก็มีผลในการเล่นเสมอ

เพราะในการแลกชิพเข้าไปในโต๊ะน้อยอาจจะเป็นการที่คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงได้แต่ผลเสียคือคุณอาจจะได้ผลกำไรน้อยเพราะเงินเดิมพันในการเล่นของคุณน้อย แต่ในทางกลับหากคุณแลกชิพเข้าไปเล่นในโต๊ะเยอะ ผลตอบแทนจากการเล่นอาจจะเยอะ แต่ทางตรงกันข้าม มันอาจทำให้คุณเสียที่เป็นจำนวนชิพที่เยอะไปเลยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นแล้วด้วยความหวังดีจากlovePokerเราแนะนำให้คุณแลกชิพเข้าไปเล่นบนโต๊ะแบบกลางๆ ให้เหมาะสมกับ Blindดีกว่าครับ

2.Tournament or Cash Game

Cash Game เป็นเกมการเล่นด้วยชิพที่เสมือนกับเงินจริง ผู้เล่นสามารถเข้ามานั่งและลุกออกไปได้ตลอดเวลา โดยโต๊ะของ Cash game ใน Poker Bros นั้นจะมีอยู่ตลอดให้เพื่อนๆสามารถเข้าไปนั่งทำเงิน ฝึกฝน และ ลุกออกมาได้ทุกเวลา

ส่วนในแบบของTournament เป็นการแข่งขันแบบจัดอันดับ จะมีเงินรางวัลที่ได้ออกไปไม่เท่ากัน การแข่งขัน Tournamentนั้นจะเปิดรับสมัครเป็นรอบ และหากปิดรับสมัครผู้เล่นใหม่ก็จะไม่สามารถเข้าไปร่วมแข่งขันได้ โดยเมื่อเสียค่าสมัครไปจำนวนหนึ่งแล้ว ทุกคนจะได้ชิพเริ่มต้นที่เท่ากันแต่ไม่ใช่ชิพมูลค่าของเงินจริง เช่น ค่าสมัคร 10 ชิพ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะได้ชิพเริ่มต้นคนละ 5000 ชิพ เพื่อแข่งขันกันไปเรื่อยแบบแพ้คัดออกจนได้คนที่เข้าสู่รอบที่เรียกว่า In the moneyเป็นรอบที่ทุกอันดับหลังจากนี้จะได้เงินรางวัลค่าอันดับ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละ Tournamentว่าจะกำหนดว่าจะเริ่มให้เงินรางวัลจากอันดับที่เท่าไหร่

Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *